รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeเรื่องเล่าสะกิดสุขภาพ Health Story

The Nutrition Talk – บทที่ 6 : ปรับอาหารให้เป็นยา

บทที่ 6 : ปรับอาหารให้เป็นยา
“โรคร้ายมิได้ตกลงมาจากฟ้า แต่มีที่มาที่ไปอย่างซับซ้อน”

59-02-08-nutri-10เช้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย รู้สึกห่อเหี่ยว หายใจไม่เต็มอิ่ม

ครั้นตอนสายคุณมีหัวใจเต้นรัวๆๆ เหงื่อแตก
จนคุณคิดว่าคงตายเสียแต่นาทีนั้น แต่แล้วมันกลับหายไป

อาทิตย์ต่อมาคุณปวดร้าวที่หน้าอก ต้องทรุดนั่งมือกุมหน้าอกที่หัวใจ

โอ้ย… เราเป็นอะไรไป เพื่อนๆ หลายคนก็แนะนำให้ไปหาหมอ
แค่คิดก็ไม่อยากไปแล้ว

แต่ก็ต้องไป..เพราะรู้สึกอาหารเริ่มหนักแล้ว

คุณตื่นแต่เช้ามืด นั่งรถเมล์ไปถึงโรงพยาบาลตอนหกโมงเช้า
มีคนนั่งรอทำบัตรอยู่นับ100คน

คุณกระเสือกกระสนแย่งรับบัตรคิว รอจนนั่งหลับ
รอ…รอ และรอ จนสิบโมงกว่า
พยาบาลเรียกคุณเข้าตรวจ หมอถามสี่ห้าประโยค ฟังหัวใจ จ่ายยาให้ลองกินดูก่อน!!

คุณไม่รู้หรอกว่ายาอะไร แต่ไม่กล้าถาม เพราะหมอมีสีหน้าเรียบเฉย
ดูเหมือนมีคนไข้รออยู่ข้างนอกอีกเป็น 100

เพียง 5 วัน อาการปวดหัวใจ ปวดร้าวหน้าอก เหงื่อแตก กลับมาอีก
คุณไปหาหมอคนเดิม หมอสั่งคุณวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ดูเส้นกราฟในกระดาษแล้วจ่ายยาเพิ่มอีก

คุณกินยาแล้วกลับไปใหม่ หมอจับคุณเอ็กซเรย์ ตรวจเลือดเพิ่ม วัดหัวใจอีก
คุณกลับบ้านกินยาครั้งแล้วครั้งเล่า
ยาสิบกว่าถุงยังกองอยู่บนโต๊ะที่บ้าน
บางตัวกินแล้วหลับกลางวัน โดนเจ้านายดุ
บางตัวทำให้หัวใจเต้นรัว คุณต้องกิน เพราะไม่มีทางเลือกอื่น

ดูๆ แล้ว ผมจะหายจากโรคนี้ หรือหายไปจากโลกนี้กันแน่?

ยกตัวอย่างเรื่องราวสะท้อนวงการสุขภาพ
แต่ก้อยว่าหลายคนอาจจะอินด้วย..
ถ้าเคยเกิดโรคภัยอะไรมาสักครั้งกับตัวเอง หรือคนในครอบครัว

คนส่วนใหญ่มักจะยอมคิดถึงสุขภาพ..ต่อเมื่อเริ่มมีปัญหาสุขภาพ
คุณว่าจริงไหม?

นึกอะไรไม่ออก ก็ไปพึ่งแต่กินยาหมอ
ซึ่งบางทีสิ่งดีๆ เพื่อสุขภาพ เช่น การเลือกทานอาหารดีๆ
การออกกำลังกาย นอนให้เพียงพอไม่เคยทำเลย
แล้วยาวิเศษที่ไหนจะช่วยคุณได้?

ข่าวดี..ก็คือ เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่กำลังมีพฤติกรรมสนใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น
เน้นการกินอาหารที่ดี กินอาหารสุขภาพ, กินอาหาร Clean Food,
กินอาหารเสริม เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคมากกว่าการรักษาที่ปลายเหตุ

ฮิปโปเครติส บิดาทางการแพทย์ของชาวกรีก
ได้บัญญัติไว้ในการรักษาเมื่อประมาณ 2,500 ปีที่แล้วว่า
“จงใช้อาหารเป็นยาในการรักษาโรค”

food and medicine

ตั้งแต่ 8,000 ปีก่อน แถบประเทศเปอร์เชีย ใช้ทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรค

เมื่อ 4,000 ปีก่อนกำเนิดพระคริสต์ ชาวสุเมเรียน รู้จักใช้กระเทียมเป็นยา

สมัยอียิปต์ มีบันทึกปรากฏอยู่ในตำราการแพทย์ที่ทำจากกระดาษปาปีรัสว่า
ตับสัตว์ สามารถบรรเทาโรคตาบอดในเวลากลางคืนได้

จากบันทึกในพงศาวดารจีนกล่าวว่าจักรพรรดิ จิ๋นซีฮ่องเต้
ทรงใช้สาหร่ายเป็นส่วนผสมในยาอายุวัฒนะ

สามร้อยปีที่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าทำไมชาวเรือที่รอนแรมในท้องสมุทรนาน ๆ
จึงมีอาการเจ็บเหงือก ฟันโยกคลอน เลือดออกตามไรฟัน
ถ้านานไปไม่ได้ขึ้นฝั่ง ฟันอาจร่วงหมดปากถึงตายในที่สุด

ในปี ค.ศ.1753 ศัลยแพทย์ เจมส์ ลินด์ เป็นผู้พิสูจน์ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างโรคกับอาหาร

ผู้ป่วยลักปิดลักเปิดที่โดยสารมากับเรือของอังกฤษ ถูกนำมาทดลองรับการรักษา
โดยดื่มของเหลวต่างชนิดกันคือ น้ำทะเล น้ำส้มสายชู น้ำกรด
กำมะถันเจือจาง น้ำแอปเปิ้ลไชเดอร์ และน้ำส้ม-มะนาว
พบว่า กลุ่มที่กินน้ำส้ม-มะนาว จะหายจากโรคลักปิดลักเปิดในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ในปี ค.ศ.1920 อัลเบิร์ต ซานต์-จอร์จ (Albert Szent-Gyorgui) นักชีวเคมีชาวอเมริกัน
เป็นคนแรกที่สามารถแยกวิตามินซีออกมาจากพืชสำเร็จ
และได้รับรางวัลโนเบล จากผลงานชิ้นสำคัญนี้ในปี ค.ศ.1973

59-02-09-nutri-3

แนวคิดทำอาหารให้เป็นยา มิได้ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเลิกกินยา
แล้วหันมากินอาหารเพื่อรักษาโรค เพียงอย่างเดียว
แต่ช่วยหาหนทางให้คนสมัยนี้รับประทานอาหารให้เหมาะกับโรค
โดยใช้ขนาดอาหารที่ถูกต้อง
เพื่อให้ออกฤทธิ์เป็นยาได้ด้วย เป็นการเสริมฤทธิ์กันระหว่างอาหารกับยา

=============================================================