6 กลุ่ม โภชนเภสัชภัณฑ์กับการลดเลือนริ้วรอย ผิวสวยใส มีออร่า
จากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมา พบว่า
การรับประทานอาหาร ที่เป็นแหล่งของ
สารต้านอนุมูลอิสระ
สามารถช่วยในการชะลอความชราของผิวพรรณได้
โดยจากการทบทวนหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์
พบว่า
สารอาหารและสารพฤษเคมี
ที่มีศักยภาพในการชะลอความชราทางด้านผิวพรรณ ได้แก่
1.วิตามินซี และวิตามินอี (Vitamin C&E) – พบมากในผัก ผลไม้ต่างๆ – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย – จากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่า วิตามินซีและอี
มีฤทธิ์ในการป้องกัน
รังสียูวีจากแสงแดด (Photo-protective effect)
จึงช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้
2.ซีลีเนียม (Selenium)
– พบมากในอาหารทะเล
– ข้าวกล้อง
– หัวหอม
– กระเทียม
– เป็น Co-factor ของกลูต้าไธโอน และ Anti-oxidant Enzyme
อีกทั้งยังทำงานร่วมกันกับวิตามินอี
ในการต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเซลล์ผิว
3.สังกะสี (Zinc)
– พบมากในอาหารทะเล ไข่ ถั่วลิสง
– เป็น Co-factor ของ Anti-oxidant Enzyme
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
4.โค-คิวเทน (Co-Q10)
– พบมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์
– เมื่อร่างกายอายุเพิ่มขึ้นระดับ Co-Q10 จะลดลง
– ช่วยต้านอนุมูลอิสระและสร้างพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆ
– ช่วยในการทำงานของวิตามินอี
เสมือนเสริมฤทธิ์วิตามินอี จึงช่วยป้องกันริ้วรอยแห่งวัย
– ปริมาณที่แนะนำ 30-100 มก./วัน
5.คาร์โรทีนอยด์ (Carotenoid)
มี 3 ตัวหลักที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิว ได้แก่
1) เบต้า-แคโรทีน (β-Carotene) พบมากในมะละกอ แครอท มะม่วง
– มีฤทธิ์ในการต้านแดด ป้องกัน Sunburn (เสมือนกันแดดแบบกิน)
– การศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่า การบริโภคเบต้า-แคโรทีนวันละ 30 มก.
ช่วยป้องกันการแก่ชราของผิว และฟื้นฟูผิวจากการโดนแสงแดดทำร้าย
2) ไลโคปีน (Lycopene) พบมากในมะเขือเทศ ฟักข้าว แตงโม
– ช่วยชะลอความชราด้านผิวพรรณ ป้องกันริ้วรอย
– ปกติในธรรมชาติไลโคปีนจะอยู่ในรูป Trans – isomer (สายตรงยาว)
แต่เมื่อผ่านความร้อน กระบวนการผลิตหรือปรุงประกอบ
จะทำให้ไลโคปีนอยู่ในรูป Cis-isomer (สายโค้งงอ)
ซึ่งร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่า Trans – isomer
ดังนั้นการบริโภคมะเขือเทศ
ที่ผ่านความร้อนหรือกระบวนการการผลิต
เช่น ในผัดเปรี้ยวหวานในซอสมะเขือเทศ
ในซุปมะเขือเทศ
ก็จะทำให้ร่างกายได้รับไลโคปีืนในปริมาณเพิ่มขึ้น
-ปริมาณที่แนะนำ คือ 15 มก./วัน
เทียบเท่า มะเขือเทศผลใหญ่ประมาณ 4 ลูก หรือผลเล็ก 15 ลูก แตงโม 10-15 ชิ้นคำ
3) แอสตาแซนทีน (Astaxanthin) พบมากในสาหร่ายสีแดง ปลาแซลมอน
– มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูง จนได้รับฉายาว่า
“King of Anti-oxidant”
การศึกษาวิจัยในหลอดทดลองพบว่า
แอสตาแซนทีนมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า..
วิตามินซี 6,000 เท่า
วิตามินอี 550 เท่า
โคเอนไซม์ คิวเทน 800 เท่า
คาเทชิน (สารสกัดจากชาเขียว) 550 เท่า
อัลฟ่า-ลิโปอิก แอซิด 75 เท่า
เบต้า-แคโรทีน 40 เท่า
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า
– การศึกษาวิจัยทางคลินิกพบว่า
การรับประทานแอสตาแซนทีนเสริม
ปริมาณ 4 มก./วัน เป็นเวลา 3 เดือน
ทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น โดยช่วยลดความแห้งกร้าน
เพิ่มความความชุ่มชื้น เรียบเนียน และยืดหยุ่น
รวมทั้ง ริ้วรอยเล็กๆ ลดลง
6.ไอโซฟลาโวน (Isoflavone)
– พบมากในถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์
เช่น เต้าหู้ นมถั่วหลือง
นอกจากนี้ยังพบมากในน้ำมะพร้าว และทับทิม
– มีคุณสมบัติเป็นไฟโตรเอสโตรเจน (Phytoestrogen)
ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน
โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
เนื่องจากออกฤทธิ์น้อยกว่าฮอร์โมนเอสโตรเจน 400-1,000 เท่า
และจับกับตัวรับ (Receptor)เฉพาะที่เซลล์ผิว
กระดูก ระบบหัวใจและหลอดเลือด
จึงไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก
– ชะลอความชราด้านผิวพรรณ
โดยป้องกันการเสื่อมสลายของคอลลาเจน
และกระตุ้นกระบวนการ Fibroblast proliferation
ทำให้การสังเคราะห์คอลลาเจนที่เซลล์ผิวเพิ่มขึ้น
– การศึกษาวิจัยทางคลินิกพบว่า
การรับประทานไอโซฟลาโวนเสริม
ปริมาณ 40 มก./วัน
ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง ริ้วรอยลดลง