เรื่องเล่า สุขภาพของอุนจิ
ฝรั่งคนหนึ่งเป็นแพทย์ฝ่ายพยาธิวิทยา
มีหน้าที่ในการชันสูตรศพ
หลังจากที่ คนไข้ ผู้ได้รับการรักษาจากแพทย์
ในโรงพยาบาลทั้งหลายมีอันถึงแก่ความตาย
แพทย์ฝ่ายนี้ก็จะผ่าศพ
เพื่อนำเอาเนื้อเยื่อมาศึกษา
แล้วเฉลยแก่ที่ประชุมแพทย์ว่า
แท้จริงแล้วเขาป่วยเป็นอะไรกันแน่
เพื่อที่แพทย์ผู้เกี่ยวข้องในการรักษาทั้งหลาย
จะได้สรุปบทเรียนการรักษาของตนว่าถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร
เขาบันทึกข้อความขึ้นว่า
“สมัยนี้ไม่รู้มีอะไรเกิดขึ้นกับชาวอังกฤษ
ในบรรดาศพ ที่ผมผ่ามานับร้อย ๆ ราย
มักปรากฏว่า…
ลำไส้ใหญ่มีอันผิดรูปผิดร่างไปจากตำราอย่างมากมาย
ขนาดของลำไส้ใหญ่ มักพองใหญ่เป็น 2 เท่า ของขนาดปกติ
ครั้งผ่าเข้าไปดู เจ้าสิ่งที่บรรจุอยู่ภายใน
ที่ทำให้ลำไส้ใหญ่อืดพองตั้งเท่าตัวนี้
แท้จริงก็เป็นกากอาหารเก่าๆ จับเคลือบอยู่ตลอดผนังด้านในจนหนา
ที่ผ่านการย่อยมาจนละเอียดยิบ
เหนียวหนับเหมือนยางมะตอย
แล้วเหลือเพียงรูตรงกลางขนาดไม่ใหญ่ไปกว่านิ้วมือ
พอเป็นทางให้อุจจาระผ่านออกเท่านั้น”
เขาแปลกใจ กับความสกปรกของลำไส้ใหญ่เหล่านี้
จึงเปิดดูประวัติสุขภาพ ของผู้เป็นเจ้าของ
ก็พบว่า…
นอกจากโรคภัยไข้เจ็บ
ที่ทำให้เค้าต้องเจ็บป่วยและ
เอาชีวิตมาทิ้งเสียที่โรงพยาบาลแล้ว
ก่อนหน้านี้มีหลาย ๆ คน
ต่างไม่มีประวัติท้องผูกเลย
พวกเขายังคงถือว่าตนเองขับถ่ายเป็นปกติ
เนื่องด้วยเพราะรูขนาดเท่านิ้วมือในท่อลำไส้ใหญ่
ยังคงสามารถให้อุจจาระผ่านออกได้
เจ้าตัวจึงละเลยปัญหาสุขภาพ
จนมาหนักในตอนท้าย
“ถ้าคุณได้มาเห็นสภาพลำไส้ใหญ่อย่างผม
คุณคงร้องว่า….
ยอมตายซะดีกว่าอยู่ เพราะท่อโสโครกเช่นนี้
ไม่น่า ที่เจ้าของจะอยู่รอดต่อไป แม้แต่เพียงวันเดียว”
ฝรั่งอีกคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
ว่าด้วยการพิเคราะห์ก้อนอึ
ได้เเบ่งอุจจาระของคนเรา
ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ คือ
อึชนิดที่ 1 เป็นอุจจาระที่หลวม ๆ ไม่มีเมือกเหนียว อึแบบนี้ ใช้เวลาผ่านลำไส้ใหญ่ไม่นาน
มาจากการทานอาหารที่มีเส้นใยเยอะ
เช่น กินผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต
กินเผือก กินมัน ข้าวโพด ข้าวฟ่างสม่ำเสมอ
เพียง 1/2-1 วัน
เพราะไม่ค่อยมีโอกาส
ให้แบคทีเรียในลำไส้ก่อการเน่าบูด
จึงไม่ค่อยเหม็น สามารถถ่ายได้คล่อง ไม่ต้องเบ่ง
เพียงนั่งลงก็ปลดปล่อยได้สบายก้น
ถ่ายเสร็จถ้าหันดูในโถส้วม
จะพบว่าอุจจาระกระจายตัวอยู่ในน้ำ ไม่จับก้อน
เจ้าของอุจจาระแบบนี้
อาจถ่ายวันละ 2-3 ครั้ง
ถือเป็นผู้มีสุขภาพดี ขึ้นแท่นรับเหรียญทองได้
อึชนิดที่ 2
เป็นก้อนอมฤตยูที่เหนียวหนับ จับเป็นก้อน
ลงถึงโถส้วมก็จับตัวกันแน่นหนึบหนับ
กระทั่งเมื่อกดชักโครกก็ยังไม่ยอมกระจายตัวออก เนื้อสัตว์ อาหารไขมัน ข้าวขาว ขนมปังขาว
พวกนี้มาจากเจ้าของที่สวาปามแต่
คุกกี้ เค้ก แต่ละอย่างล้วนทำจากแป้งป่นละเอียด
จนไม่มีเส้นใยอยู่เลย
บางคนเกิดมาไม่รู้จักว่า ผัก-ผลไม้ เป็นอย่างไร
ใครทำมาให้ก็ไม่กิน เพราะทั้งไม่อร่อย
ทั้งถือว่าเป็นอาหารราคาถูก
“กินผักหญ้าเข้าไปก็เปลืองท้อง
สู้เก็บพุงกะทิไว้ ไว้ใส่สเต็กเนื้อสัน
ขาหมู เป็ดพะโล้ดีกว่า
ข้าวกล้องหรือ อย่ามาหลอกฉันกินเสียให้ยาก
ทั้งหยาบ ทั้งสั่ว สู้ข้าวขาว ๆ
ขนมปังขาวอ่อนนุ่มไม่ได้”
เมื่อสบายประตูหนึ่ง ก็ลำบากอีกประตูหนึ่ง
คนที่กินแต่อาหารสบายปาก ไม่ลำบากลิ้นเแบบนี้
เมื่ออาหารผ่านเข้าลำไส้ก็ถูกย่อย
จนเป็นโมเลกุลอันละเอียดยิบ
เมื่อผ่านจากลำไส้เล็กเข้าลำไส้ใหญ่
ก็มีอันเหนียวหนับเหมือนก้อนยางมะตอยไม่ผิดเพี้ยน
เพราะไม่มีเส้นใยมาช่วยคลุกเคล้า
หรือกวาดเศษอาหารไปตามลำไส้เลย
เมื่อผ่านลำไส้ใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นกระพุ้งๆ
กว่าจะขยับผ่านไปทีละช่วง
ก็เหลือคราบติดตาม
ผนังห้องของลำไส้ใหญ่ไปตลอดทาง
เมื่อรวมเวลาที่จะผ่านถึงประตูหลังสุด
ก็ราว 65-100ชั่วโมง
ดังนั้น ที่ประตูหลังนี้เองละครับ
ที่เจ้าของต้องเผชิญศึกหนัก
เบ่งกันหน้าดำคร่ำเครียด
ใช้เวลาจองห้องส้วมนับเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง
เหตุเพราะระหว่างอยู่ในลำไส้ใหญ่
ก้อนอึก็ถูกดูดซึมน้ำกลับสู่ร่างกายเรื่อยๆ
จึงปั้นเป็นก้อนเหนียวหนับ จนถึงแข็ง
และด้วยเหตุที่เป็นอุจจาระกักค้าง
เจ้าแบคทีเรียในลำไส้ก็กินเป็นอาหารเสียอีกชั้นหนึ่ง
เกิดการเน่าบูดอยู่ในท่อลำไส้ใหญ่
ถ่ายออกมาได้ก็เหม็นตลบอบอวลไปสามบ้านแปดบ้าน
เจ้าของอุจจาระแบบนี้ นับเป็นอัจฉริยบุคคล
ที่มีสุขภาพเลวอย่างสุดๆ
ต้องสร้างส้วมในบ้านไว้หลายๆ ห้อง
เพื่อมิให้ต้องเคาะประตูเร่งกัน
เพราะเมื่อพ่อปูแม่ปูที่เดินแบบนี้
ย่อมมีลูกปูที่เดินตามแบบเดียวกัน
ทุกเช้าทั้งพ่อแม่ลูกมีภารกิจ
กับห้องส้วมอันทุกข์ทรมาน
เพราะการกินในบ้าน
ที่สบายประตูหน้า ลำบากประตูหลัง
บุคคลเหล่านี้เป็นผู้ที่พญายมเอาขึ้นบัญชีดำ
เพราะมะเร็งมักถามหา
อึชนิดที่ 3
เป็นชนิดกึ่งกลางระหว่างสองขั้วนี้
จะเป็นพวกที่ถ่ายวันละ 1 ครั้ง
นี่เป็นอุจจาระของคนที่คิดเพียงว่า
อุจจาระเป็นก้อน เมื่ออยู่ในน้ำ
เมื่อกดชักโครกก้อนอึจึงจะกระจายตัวออก
“ทุกวันนี้ฉันกินอาหารครบ 5 หมู่แล้ว”
แต่บางคนกินผักสัก 3-4 ใบ กินข้าวขาว
กินเนื้อไม่ค่อยจำกัดปริมาณ
ผลไม้ก็กินบ้างไม่กินบ้าง
ซึ่งแท้จริงแล้ว ปริมาณเส้นใยในอาหารยังมีไม่พอ
เมื่อเทียบกับอาหารส่วนที่จะเข้าไปเป็นยางมะตอย
คนที่ถ่ายอุจจาระแบบนี้ ในแต่ละวัน
จะมีคราบตะกรันสะสมในลำไส้บ้าง
เป็นพวกที่มีสุขภาพกลาง ๆ และอาจสังเกตว่า
เมื่อใดที่ถ่ายยากก็มักจะเจ็บป่วย บางเรื่อง บางอาการ
บางคนอาจพบว่า ภาวะหอบหืดกำเริบขึ้น
บางคนปวดข้อก็รุนแรงกว่าเก่า
บางคนมีสิวเพิ่มพูน ในระยะถ่ายมาก
คุณสามารถเป็นเจ้าของก้อนอึชนิดแรกได้
โดยการกินผัก-ผลไม้ ให้ได้ ๕ ส่วนบริโภค
กินข้าวกล้องที่อุดมด้วยเส้นใย
กินข้าวโพดบ้างบางคราว
เดินไปข้างถนนเห็นเขาขาย
เผือกต้มหรือมันเผา ก็ซื้อมากินบ้าง
ดีกว่ากินขนมคุกกี้
ด้วยวิถีการกินเเบบนี้
คุณอาจจะอึวันละ 2-3 ครั้ง
ก็ไม่ต้องแปลกใจ
นั่นแหละคือเครื่องชี้วัดสุขภาพของคุณในระยะต่อไป
ลองถามตัวเองอย่างจริง ๆ จังๆ
สักครั้งว่า…….
คุณมีก้อนอึเข้าสู่มาตรฐานสากล
ของก้อนอึแบบที่ถือเป็นผู้มีสุขภาพดีหรือไม่