ปิรามิดอาหารแบบต่างๆ
1. ปิรามิดอาหารของ USDA
ปิรามิดอันแรกที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1992 โดย USDA เป็นการแนะนำจำนวนมื้ออาหารสำหรับคนที่ต้องการแคลอรี่ในแต่ละวันในปริมาณที่แตกต่างกัน เช่น คำแนะนำการกินอาหารในกลุ่มขนมปังเมื่อกินในระดับแคลอรี่ที่ต่างกัน มีดังต่อไปนี้
- 1,600 แคลอรี่/วัน (เพียงพอสำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้ออกกำลังกายและคนสูงอายุ)โดย USDA แนะนำให้กินอาหารในกลุ่มขนมปัง 6 มื้อ/วัน
. - 2,200 แคลอรี่/วัน (สำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ผู้หญิงที่ต้องทํางาน และผู้ชายที่นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ) โดย USDA แนะนำให้กินอาหารในกลุ่มขนมปัง 9 มื้อ/วัน
. - 2,800 แคลอรี่/วัน (พลังงานที่จำเป็นสำหรับวัยรุ่น ผู้ชายที่ต้องออกแรงทำงาน และผู้หญิงที่ออกแรงทำงานบ้างเล็กน้อย) โดย USDA แนะนำให้กินอาหารในกลุ่มขนมปัง 11 มื้อ/วัน
2. ปิรามิดอาหารแบบเมดิเตอเรเนียน
ปิรามิดอาหารอันที่สองซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1993 โดยองค์การอนามัยโลก มหาวิทยาลัยสาธารณสุขฮาร์เวิร์ด และ Oldway Preservation and Exchange Trust ซึ่งเป็นองค์กรกุศลในเมืองแคมบริดจ์ รัฐแมสซาจูเซส
โดยปิรามิดจะกล่าวถึงตัวเลือกอาหารที่เข้ากันได้กับอาหารท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ เช่น อิตาลี กรีซ ซึ่งมีพรมแดนติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน โดยประชาชนในพื้นที่แถบนี้จะมีแนวทางหรือหลักการการกินอาหารเหมือนๆ กัน คือ
- กินธัญพืชให้มาก
. - กินผักและผลไม้สดให้มาก
. - ใช้น้ำมันมะกอกเป็นไขมันหลักในการประกอบอาหาร
. - กินผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณที่เหมาะสม (กินชีสและโยเกิร์ตมากกว่านมหรือเนย)
. - กินเนื้อปลา เนื้อไก่ มากกว่าหมูเนื้อแดง
. - ดื่มไวน์พร้อมกับอาหารปิรามิด
แบบเมดิเตอเรเนียนจะไม่เหมือนกับปิรามิดของ USDA กล่าวคือ ปิรามิดแบบเมดิเตอเรเนียนเป็นการแนะนำการกินแบบไม่มีจำนวนมื้อ โดยจะเน้นรูปแบบการกินอาหารโดยรวม ดังนี้
- แสดงความถี่บ่อยที่ร่างกายต้องการอาหาร เช่น แต่ละวัน หรือ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือ 2-3 ครั้ง/เดือน
. - ให้คุณใช้สามัญสำนึกของตนเองในการพิจารณาถึงสัดส่วนมากน้อยของอาหารที่ร่างกายต้องการ
3. ปิรามิดอาหารแบบเอเชียและแบบละตินอเมริกา
Oldway Preservation and Exchange Trust ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสาธารณสุขฮาร์เวิร์ด และมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ จัดทำปิรามิดพิเศษสำหรับอาหารที่มีชื่อเสียงของ 2 เชื้อชาติ
คือ อาหารเอเชีย และอาหารละตินอเมริกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการกินและอาหารที่มีอยู่ทั่วไปในท้องถิ่นในส่วน อื่นๆ ของโลกที่แตกต่างกันออกไป
ยกตัวอย่างเช่น ปิรามิดแบบเอเชียจะเน้นที่ข้าวและก๋วยเตี๋ยวในกลุ่ม ธัญพืชและจัดให้เนื้อปลา กุ้ง หอย และผลิตภัณฑ์จากนมอยู่ในบล็อคเดียวกัน ส่วนปิรามิดแบบละติน อเมริกาจะมี การปรับอาหารคล้ายๆ กัน โดยเน้นอาหารประเภทหัวใต้ดิน (เช่น มันฝรั่ง) และถั่วต่างๆ
4. ปิรามิดอาหารแบบอาราบิก
เป็นปิรามิดที่อธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับอาหารทางแถบตะวันออกกลางซึ่งมักจะแนะนำให้กินธัญพืช ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมแพะ และโยเกิร์ต ซึ่งย่อยได้ง่าย
ส่วนโปรตีนหลักจากพืช ได้แก่ ถั่วฝักยาว ถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์ ไพน์นัท พิตาชิโอ) เมล็ดพืชต่างๆ และเนื้อแดง(เนื้อแกะและเนื้อวัว) ซึ่งเป็นหลักการกินอาหารที่มีผลต่อสุขภาพหัวใจ
5. การสร้างปิรามิดอาหารในแบบของตนเอง
เมื่อจะสร้างปิรามิดอาหาร คุณจะต้องคิดถึงโรคภัยไขเจ็บต่างๆ ก่อน เช่น โรคภูมิแพ้ ความเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งทำให้ต้องพิจารณาถึงความสำคัญหรือหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่าง
เช่น ถ้าผลิตภัณฑ์อาหารประเภทข้าวโพดทำให้คุณเป็นลมพิษ หรือนมทำให้คุณหายใจลำบาก คุณก็จะตัองตัดอาหารสองชนิดนี้ออกไปจากกลุ่มธัญพืช และแทนด้วยอาหารอื่น เช่น นมถั่วเหลือง เป็นต้น
ซึ่งหลักการทั่วไปในการสร้างปิรามิดอาหารด้วยตนเองก็คือ ควบคุมไขมันและโคเลสเตอรอล กินอาหารหวานพอประมาณ สร้างฐานข้อมูลอาหารเส้นใยสูงเเละอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และสุดท้ายคือตรวจความเรียบร้อย
Cr. คู่มือโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น