อาหารเส้นเสริมสุขภาพ

ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการทำอาหารเส้น และการนำไปปรุงเป็นอาหาร เชื่อกันว่า บะหมี่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน แล้วจึงถ่ายทอดมาสู่ญี่ปุ่น

จนกลายเป็นที่ชื่นชอบมาหลายศตวรรษ ทุกวันนี้บะหมี่เป็นอาหารที่นิยมบริโภคกันในญี่ปุ่นมากกว่าอย่างอื่น หากไม่รวมข้าวไว้ด้วย

ร้านขายบะหมี่จำนวนมากมาย ซึ่งกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น โดยมีลูกค้าเนืองแน่น ช่วยยืนยันความนิยมดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าควรบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบดั้งเดิมของตนในทันที ก่อนที่น้ำซุปร้อนจัดจะทำให้เส้นเละ

นั่นแปลว่าเราจะต้องสูดอากาศเย็นๆ เข้าไปพร้อมกับบะหมี่ทุกคำ เสียงซู้ดซ้าดที่เกิดขึ้นอาจแปลกหูสำหรับชาวตะวันตก

แต่มันคือสัญลักษณ์ของความรื่นรมย์ และถือเป็นมารยาทที่ดีงามในญี่ปุ่น ที่จริงแล้ว การกินบะหมี่ช้าๆ อย่างสงบเงียบ ถือเป็นการดูหมิ่นพ่อครัวด้วยซ้ำ

แม้ว่าพาสต้าอิตาเลียน จะเป็นที่รู้จักของชาวตะวันตกมากกว่า แต่บะหมี่แบบเอเชีย ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในสหรัฐ แคนาดา และยุโรป เนื่องจากเบาท้องและย่อยง่าย รสชาติอร่อยและน่าพึงพอใจ

บะหมี่ญี่ปุ่นที่ปราศจากไข่ เป็นอาหารที่ปรุงได้หลากหลาย อาจทำเป็นอาหารกลางวันที่กินอิ่ม ของว่างแสนสะดวก หรือเมื่อเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงสัก 1 หรือ 2 อย่าง ก็จะเป็นอาหารมื้อค่ำที่สมบูรณ์

การที่ปรุงได้รวดเร็ว ทำให้บะหมี่เป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบในยามที่มีแขกมาเยือนแบบไม่คาดฝัน หรือเมื่อพบว่าถึงมื้ออาหารแล้ว แต่ “ไม่รู้จะทำอะไรดี”

สุขภาพและสุขภาวะ

บะหมี่ญี่ปุ่นมีคุณลักษณะ และสรรพคุณด้านบำรุงสุขภาพที่โดดเด่น อย่างที่ไม่อาจพบได้ในพาสต้าแบบตะวันออกดั้งเดิม

กล่าวโดยทั่วไปแล้ว บะหมี่ญี่ปุ่น มีกลูเต็นน้อยกว่าพาสต้า ที่ทำจากข้าวสาลีดูรัม จึงเชื่อกันว่า ย่อยง่ายกว่าและก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ยากกว่าในหมู่ผู้ที่แพ้อาหารจากข้าวสาลี

เกลือปริมาณเล็กน้อยที่มักจะพบอยู่ในบะหมี่ญี่ปุ่น ยังช่วยเรื่องการย่อยอาหารด้วย

โซบะ

ส่วนผสมหลักของโซบะคือบัควีต ธัญพืชเก่าแก่ที่แทบจะไม่มีการบริโภคกันในสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม บัควีตเป็นแหล่งที่ดีที่สุดและในบางกรณี เป็นแหล่งเดียวที่มีสารประกอบชีวะบางชนิดที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างแข็งขันของเซลล์ และเอนไซม์ต่างๆ ด้วยเหตุนี้เอง การเพิ่มโซบะในมื้ออาหาร โดยเฉพาะโซบะที่ทำจากบัควีต 100% จึงส่งผลดียิ่งต่อสุขภาพ

บัควีตมีโปรตีนสูงมาก (12-15%) และมีไลซีน กรดอะมิโนจำเป็น (5-7%)ซึ่งไม่ค่อยมีอยู่ในธัญพืชส่วนใหญ่ บัควีตยังมีลิพิดสูง รวมทั้งเกลือแร่ต่างๆ(เหล็ก ฟอสฟอรัส และทองแดง) และวิตามินบี 1 และบี 2

ธัญพืชมหัศจรรย์ชนิดนี้ มีรูตินสูงอีกด้วย (4-6%) รูตินเป็นสารอาหารจำเป็น ที่ไม่พบในธัญพืชอื่น อย่างเช่น ข้าว ข้าวสาลีหรือถั่ว

รูตินมีความสำคัญเพราะช่วยให้หลอดเลือดฝอยแข็งแรง จึงมีประโยชน์ต่อผู้ที่ป่วย เพราะภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและความดันโลหิตสูง

รูตินจัดอยู่ในกลุ่มของสารประกอบจากพืชที่เรียกกันว่าไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งสารสำคัญๆ คือคาเทชินในชาเขียวและโพลีฟีนอลในไวน์แดงนั่นเอง

การศึกษาวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าไบโอฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ในการต่อสู้กับอนุมูลอิสระ เชื่อกันว่าอนุมูลอิสระคือตัวการของโรคภัยต่างๆ เกือบ 90%

เช่น มะเร็ง ภาวะหลอดเลือดแข็ง เส้นเลือดในสมองแตก และภาวะชราภาพ อันเกี่ยวเนื่องจากวัย

การวิจัยในญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าการได้รับรูตินวันละ 30 มิลลิกรัม ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว เนื่องจากโซบะโปรตีนสูง 1 ถ้วย มีรูตินอยู่ราว 100 มิลลิกรัม การบริโภคโซบะวันละครั้งจึงมากเกินพอ

วิตามินพีก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดฝอยเช่นเดียวกับรูติน แต่มีผลในการช่วยดูดซึมวิตามินซีด้วย วิตามินพีพบได้ในพืชผักบางชนิดในปริมาณน้อย มีเพียงบัควีตเท่านั้น ที่เป็นแหล่งสำคัญของวิตามินพี

โคลีนเป็นสารอาหารสําคัญอีกอย่างหนึ่งในบัควีต ที่มีบทบาทสําคัญต่อกระบวนการสันดาปของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของตับ

เนื่องจากเป็นสารที่ช่วยสร้างภาวะเป็นกลาง โคลีนจึงช่วยสนับสนุนการทำงานของตับเมื่อต้องทำงานหนักเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงเป็นเรื่องมีเหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเสิร์ฟโซบะและน้ำซุปหลังงานเลี้ยงใหญ่

หลังจากบริโภคโซบะมาหลายศตวรรษ ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มให้ความเคารพพลังอำนาจในการเยียวยาของโซบะ ซึ่งได้รับการยืนยันจากนักวิจัยด้านการแพทย์แล้ว

เส้นใยอาหารปริมาณสูงในโซบะ บัควีตช่วยให้ร่างกายกำจัดคอเลสเตอรอลได้ ยิ่งไปกว่านั้น การบริโภคโซบะที่โปรตีนสูงยังมีความสัมพันธ์กับการลดไขมันในร่างกายอีกด้วย

แม้ว่าการบริโภคโซบะทำจากบัควีต 80-100% จะเป็นหนทางดีที่สุดในการรับประโยชน์จากสารอาหารในบัควีต

แต่ยังมีโซบะอีกหลายชนิด เช่น โซบะชาเขียว โซบะโกฐจุฬาลัมพา และโซบะ จิเน็นใจ ที่มีการใส่ผงสมุนไพรสำคัญเพิ่มลงไปในสูตรโซบะพื้นฐาน

โซบะชาเขียวจะเติมผงชาเขียวลงไปในเส้นโซบะ ชาเขียวเป็นอาหารเชิงยาที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งในธรรมชาติ ทำให้โซบะมีทั้งสีสันที่งดงามและช่วยในการเยียวยาด้วย

โซบะโกฐจุฬาลัมพาจะเติมผงโกฐจุฬาลัมพาป่า (โยโมกิ) ทำให้เส้นโซบะมีสีเขียวสะดุดตา โกฐจุฬาลัมพามีเกลือแร่หลายชนิด ในปริมาณสูง และนิยมใช้เพื่อรักษาอาการโลหิตจาง

โซบะจิเน็นโจ (มันภูเขา) เป็นโซบะที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น อาหารเพิ่มพลังชนิดนี้อุดมไปด้วยเอ็นไซม์ช่วยย่อย จิเน็นโจจึงช่วยให้แป้งบัควีต รวมตัวกันได้ดีขึ้น ส่งผลให้เส้นมีความเนียน ลื่น สะดวกต่อการย่อย

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่จิเน็นโจจะถือเป็นยาพื้นบ้านที่สำคัญของญี่ปุ่นในการเยียวยาผู้ที่ระบบย่อยอาหารอ่อนแอ โซบะเหล่านี้มีบางชนิดที่หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารแนวธรรมชาติในประเทศตะวันตก หรือสั่งซื้อจากเว็บไซต์ขายสินค้าทางไปรษณีย์

อุด้งเเละโซเม็ง

บะหมี่ญี่ปุ่นที่ทำจากแป้งสาลี เช่น อุด้ง และโซเม็ง เป็นบะหมี่ไขมันต่ำ แต่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ให้พลังงานยาวนานในปริมาณสูง

แม้ว่าอุด้งและโซเม็งจะมีโปรตีนและเกลือแร่ต่างๆ ไม่มากเท่าโซบะ แต่ก็เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ดีเยี่ยม อุด้งจากข้าวกล้องยังมีกรดอะมิโนเสริมที่ได้จากข้าวและข้าวสาลีอีกด้วย

ในญี่ปุ่น อุด้งมีชื่อเสียงโด่งดัง เรื่องการย่อยง่าย การทดลองในห้องทดลองของญี่ปุ่น โดยใช้เอ็นไซม์ช่วยย่อยและมีการควบคุมอุณหภูมิ

แสดงให้เห็นว่าอุด้งย่อยได้เร็วกว่าบะหมี่ชนิดอื่นมาก และย่อยได้เร็วกว่าเนื้อวัวถึง 3 เท่า

นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น เชื่อกันว่า การนวดแป้งระหว่าง ขั้นตอนการผลิต ช่วยให้อุด้งย่อยได้ง่ายขึ้น การนวด ช่วยให้โปรตีนของข้าวสาลีมีคุณภาพดีขึ้น และเข้มข้นมากขึ้น

และโปรตีนจะไปผสมรวมกับโมเลกุลของแป้ง ทำให้เอ็นไซม์ช่วยย่อยในร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายขึ้น

เนื่องจากอุด้งย่อยได้เร็ว จึงทำให้มีเลือดปริมาณมาก ไปหล่อเลี้ยงกระเพาะ ร่างกายจึงมีความร้อนสูง

ยิ่งไปกว่านั้น การทดลองแสดงให้เห็นว่า อุด้งสร้างความร้อนในร่างกาย ที่คงอยู่ได้นานกว่าความร้อนที่เกิดจากราเม็ง โซบะ หรือพาสต้าแบบตะวันตกที่ทำจากข้าวสาลีดูรัม

ด้วยเหตุนี้เอง อุด้ง และซุปดาชิ จึงเป็นอาหารยอดนิยมในฤดูหนาวของชาวญี่ปุ่นยุคก่อน ซึ่งไม่มีระบบทำความร้อนในบ้าน และเป็นที่นิยมในภาคเหนือด้วย

อีกทั้งยังเป็นอาหารโปรดของผู้ที่เป็นไข้ เนื่องจากให้พลังงานที่ยาวนานได้อย่างรวดเร็วและให้ความอบอุ่นซึ่งช่วยรักษาอาการป่วย

Cr. มหัศจรรย์อาหารญี่ปุ่น