รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeสารอาหารบำบัดโรค Nutrition

คุยเฟื่อง เรื่องของไขมัน – ไขมันอะไรดี ไขมันอะไรเลว

  • ไขมันที่ดี ภายหลังที่กินร่างกายจะรู้สึกสบาย ไขมันดีช่วยสร้างฮอร์โมน เป็นฉนวนห่อหุ้มเส้นประสาท ป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วระหว่างทาง
  • ไขมันเลว ได้แก่ ไขมันที่เพิ่มไขมันเลวในเลือด (LDL) ทำให้เกิดเส้นเลือดแข็ง ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์หมดความยืดหยุ่น แข็งตัว ส่งผลให้ “ตัวรับ”(Receptors) ที่ผนังเซลล์ไม่ทำงาน ไม่รับฮอร์โมน และอินซูลิน โกร๊ธฮอร์โมน ฯลฯ เข้าสู่ร่างกาย

59-03-02-nutri-4

ประเภทของไขมัน และแหล่งที่มา

ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fats)

เป็นไขมันที่แข็งตัวได้ เช่น เนย ครีมเทียม เนยแข็ง ฯลฯ ไขมันสัตว์ ไขมันมะพร้าว ปาล์ม

ไขมันทรานส์ (Trans-Fats)

เป็นไขมันที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มไฮดดรเจน (Hydrogenated) ให้กลายเป็นไขมันอิ่มตัว เพื่อป้องกันหืน เก็บไว้ได้นาน เช่นเนยถั่ว มายองเนส มาการีน และช็อกโกแลต เป็นต้น

ไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat)

เป็นไขมันเหลวที่อุณหภูมิปกติ แต่อาจแข็งตัวในอุณหภูมิต่ำ ได้แก่ น้ำมันมะกอก อะโวคาโด คาโนลา น้ำมันเมล็ดองุ่น และน้ำมันถั่วลิสง น้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพมากที่สุด มีความไม่อิ่มตัว 72% คาโนลา 65% น้ำมันถั่ว 48%

ไขมันอิ่มตัวชนิดเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat)

ได้แก่ น้ำทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด ถั่วเหลือง งา ถึงแม้จะช่วยลดคอเลสเตอรอล แต่มีสารอนุมูลอิสระทำลายเซลล์

ไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เรียกว่า ไขมันจำเป็น Essential Fatty Acids-EFA เป็นไขมันที่เราต้องกินเข้าไป เพราะร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ ได้แก่:

1.โอเมก้า 3 มีในอาหารทะเล ปลา ผักใบเขียว น้ำมันคาโนล่า น้ำมันมะกอก วอลนัท แฟลกซ์ซีด
2.โอเมก้า 6 เป็นน้ำมันพืช เช่น น้ำมันข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฝ้าย และถั่วเหลือง

ประโยชน์ของไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acids)

โอเมก้า 3

– ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเลสเทอรอล ลด LDL เพิ่ม HDL
– สร้างฮอร์โมนคือ Prostaglandin ซึ่งช่วยให้เซลล์เจริญเติบโตและเป็นสาระสำคัญต่อการทำหน้าที่ของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน ฯลฯ

โอเมก้า 6

– ลดคลอเลสเทอรอล ทั้ง LDL และ HDL

ข้อเสียของ โอเมก้า 6

– ก่อให้เกิดโปรตีนก่อมะเร็ง ชื่อ “Rasp 21” ในขณะที่ โอเมก้า 3 ระงับการเกิดสารตัวนี้
– ก่อให้เกิดการอักเสพ proinflammatory eicosanoid เป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เป็นปัญหาสุขภาพอยู่ในปัจจุบัน

59-03-02-nutri-5

นับเป็นเวลานานหลายสิบปีที่ได้มีการรณรงค์ ให้ประชาชนเลิกกินไขมันสัตว์ หันมากินน้ำมันพืชแทน เพื่อรักษาสุขภาพโดยเฉพาะป้องกันโรคหัวใจ เป็นผลให้โรคหัวใจลดลง

แต่ประชาชนกลับเป็นโรคเรื้อรัง อื่นๆ มากขึ้นโดยเฉพาะโรคมะเร็ง จึงได้มีการศึกษาทบทวนกันใหม่ และปรากฏผลออกมา ดังต่อไปนี้

ไขมันจำเป็นจะให้ประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย ต่อเมื่อเรากินโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ให้สมดุลในอัตราส่วน 1:1 หรือไม่เกิน 1:4

แต่ปรากฏว่า อาหารประจำวันของคนทั่วไป มีโอเมก้า 6 มากเกินไป อยู่ในอัตราส่วน 1:14-20 จึงเป็นผลทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ขึ้น เช่นโรคหัวใจ โรคสมอง โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคภูมิแพ้ ฯลฯ ซึ่งเป็นโรคของอารยชนทั่วไป

ในปี พ.ศ. 2503 ได้มีการศึกษาพบว่า ชาวเกาะครีต (Crete) ในประเทศกรีซ เป็นประชากรที่มีสุขภาพดีที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรของประเทศอื่นๆ

ได้แก่ อิตาลี ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ และสหรัฐอเมริกา และ เสียค่าดูแลสุขภาพเพียง 5% เท่านั้น เพราะชาวเกาะกินอาหารพื้นเมือง ซึ่งประกอบด้วยน้ำมันมะกอก ผัก ผลไม้ และถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งมีไขมันสูงถึง 40% สูง 3 เท่าของอาหารญี่ปุ่น

แต่ประชาชนมีอัตราตายต่ำกว่าคนญี่ปุ่น 2 เท่า จึงเป็นที่มาของอาหาร โอเมก้า (Omega Diet)

อาหารโอเมก้าเป็นอาหารสูตรมีไขมันสูง 35% สูงกว่าอาหารอเมริกันซึ่งมีไขมัน 30% แต่เป็นไขมันโอเมก้า3 ต่อโอเมก้า6 1 ต่อ 4 ส่วน